เชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างสรรค์กฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน

ร่วมสร้างกฎหมายกับไอลอว์
Bookmark and Share

ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เวิร์กช็อป "นวดฝ่าเท้า" สร้างอาชีพเสริม"น.ศ.-ชุมชน"

วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11554 มติชนรายวัน


เวิร์กช็อป "นวดฝ่าเท้า" สร้างอาชีพเสริม"น.ศ.-ชุมชน"





ปัจจุบัน ปัญหาการปวดเมื่อยตามร่างกาย อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือแม้แต่อาการเครียดที่เกิดขึ้นกับหลายๆ คน โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุเพิ่มมากขึ้น มักเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน คอตกหมอน การเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ หรือแม้แต่ความเครียดที่เกิดจากพิษเศรษฐกิจ การหันมาพึ่งวิธีรักษาโดยการนวดด้วยแพทย์แผนไทย หรือการใช้สมุนไพร เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยม ทั้งในประเทศ และต่างประเทศเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ธุรกิจนวดแผนไทยผุดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับกับความต้องการของผู้ใช้บริการที่นับวันจะเพิ่มสูงขึ้น

"งานอนามัย และสุขาภิบาล มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์" จึงได้จัดโครงการ " "ฝึกอบรมนวดฝ่าเท้า" " ให้แก่นักศึกษา และผู้ที่สนใจ ฟรี!!

"ผศ.อารีย์ สงวนชื่อ" หัวหน้างานอนามัยและสุขาภิบาลเล่าว่า งานอนามัยและสุขาภิบาล ได้รับนโยบายจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในการส่งเสริมให้รักษาบำบัดการเจ็บป่วยของประชาชน โดยใช้แพทย์แผนไทย ได้แก่ การนวดตัว นวดฝ่าเท้า การใช้สมุนไพร เป็นต้น ดังนั้น มหาวิทยาลัยซึ่งเป็นแหล่งวิชาความรู้ และการให้บริการชุมชน จึงจัดโครงการอบรมนวดฝ่าเท้า ให้แก่ นักศึกษา และประชาชนในชุมชนที่สนใจ โดยได้รับเกียรติจาก "อาจารย์ยุพิน โตเอี่ยม" ผู้อำนวยการแพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นวิทยากร มหาวิทยาลัยมุ่งหวังให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ ประโยชน์ได้จริง และนำไปประกอบเป็นอาชีพเพิ่มรายได้ให้ครอบครัว

อาจารย์ ยุพินบอกถึงความนิยมในการนวดแผนไทยว่า "ปัจจุบันการนวดฝ่าเท้าเป็นที่นิยมในหมู่คนไทย และชาวต่างชาติ ทั้งในแถบเอเชีย และยุโรป ปัจจุบันกลายเป็นอาชีพที่ลงทุนน้อยแต่ได้รับผลตอบแทนจากรายได้ที่ดี บางคนถึงกลับไปเปิดร้านอยู่ต่างประเทศเลยก็มี การนวดฝ่าเท้าจะมีด้วยกัน 2 แบบ คือ การนวดโดยใช้มือ และการนวดที่ใช้มือและไม้กดจุดร่วมกัน เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบต่างๆ ภายในร่างกาย กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และระบบน้ำเหลือง อีกทั้ง ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เป็นการช่วยบำบัดอาการของโรค เพื่อฟื้นฟูให้ร่างกายแข็งแรง และอวัยวะต่างๆ ทำหน้าที่ได้ดีขึ้น ป้องกันโรค เช่น ท้องผูก หอบหืด โรคเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ ปวดศีรษะ โรคไต นิ่วในถุงน้ำดี ไมเกรน ไซนัส และโรคเครียด ซึ่งการนวดบำบัด ส่งผลดีต่อสุขภาพจิต โดยเฉพาะการดูแลเอาใจใส่ต่อผู้สูงอายุ นอกจากนั้น ยังช่วยสร้างความอบอุ่น และสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวด้วย

น.ส.จำเนียร ไชยคำ นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลักสูตรเคมี 1 ในนักศึกษาที่เข้าอบรม กล่าวว่า นอกจากจะได้เรียนรู้วิธีการนวดที่ถูกต้องตามศาสตร์แพทย์แผนไทยแล้ว ยังยึดเป็นอาชีพได้อีกด้วย หลังจากผ่านการอบรม จะพยายามฝึกฝนตนเองให้เกิดความชำนาญ เพื่อนวดผ่อนคลายให้กับคนในครอบครัว หรือใช้เวลาว่างหลังการเรียนทำเป็นอาชีพเสริมได้

"นับเป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆ ที่สร้างรายได้ให้กับนักศึกษา และชุมชน ได้อย่างดี!!"

หน้า 23

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น